ชีวภัณฑ์เพื่อการเกษตร (Bio Green)
- ฟื้นฟูคุณภาพดิน ปรับสภาพดินก่อนเตรียมการเพาะปลูก เพิ่มคุณภาพดิน
- กำจัดเชื้อโรคและโรคระบาดในดิน
- กำจัดสารพิษ สารเคมี ได้มากถึง 12 ชนิด (มีใบรับรองจากสถาบันชั้นนำ)
- ฟื้นฟูสภาพต้นกล้า ต้นอ่อนก่อนนำไปปลูกในดิน
- กระตุ้นการแตกรากอ่อน เร่งการเจริญเติบโต
- เพิ่มความแข็งแรงให้แก่พืช เพิ่มความต้านทานโรคพืชต่างๆ
- แก้ปัญหาหนอน และแมลงศัตรูพืช
- ยับยั่งการฟักตัว และลอกคราบของแมลง ควบคุมกำจัดไข่ของแมลง ควบคุมการระบาดของแมลง และพาหะนำโรค (กำจัดไข่ยุง ไข่ผีเสื้อ ไข่แมลงวัน)
- ย่อยสลายอินทรียวัตถุ ปลดปล่อยธาตุอาหาร ให้พืชนำมาใช้ประโยชน์
- กำจัดเชื้อโรค กำจัดสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินในแหล่งน้ำ
- บำบัดแหล่งน้ำใช้ และน้ำทิ้งในการเพาะปลูก
- สามารถใช้ทำปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยจุลินทรีย์น้ำ ปุ๋ยหมักหอม โดยน้ำหมักจะหอม ไม่เหม็นเน่า
ชีวภัณฑ์เพื่อการเกษตร
Documents
- ฟื้นฟูคุณภาพดิน ปรับสภาพดินก่อนเตรียมการเพาะปลูก เพิ่มคุณภาพดิน
- กำจัดเชื้อโรคและโรคระบาดในดิน
- กำจัดสารพิษ สารเคมี ได้มากถึง 12 ชนิด (มีใบรับรองจากสถาบันชั้นนำ)
- ฟื้นฟูสภาพต้นกล้า ต้นอ่อนก่อนนำไปปลูกในดิน
- กระตุ้นการแตกรากอ่อน เร่งการเจริญเติบโต
- เพิ่มความแข็งแรงให้แก่พืช เพิ่มความต้านทานโรคพืชต่างๆ
- แก้ปัญหาหนอน และแมลงศัตรูพืช
- ยับยั่งการฟักตัว และลอกคราบของแมลง ควบคุมกำจัดไข่ของแมลง ควบคุมการระบาดของแมลง และพาหะนำโรค (กำจัดไข่ยุง ไข่ผีเสื้อ ไข่แมลงวัน)
- ย่อยสลายอินทรียวัตถุ ปลดปล่อยธาตุอาหาร ให้พืชนำมาใช้ประโยชน์
- กำจัดเชื้อโรค กำจัดสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินในแหล่งน้ำ
- บำบัดแหล่งน้ำใช้ และน้ำทิ้งในการเพาะปลูก
- สามารถใช้ทำปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยจุลินทรีย์น้ำ ปุ๋ยหมักหอม โดยน้ำหมักจะหอม ไม่เหม็นเน่า
ประเภทการเพาะปลูกที่เหมาะกับการใช้งาน
- ผัก (คะน้า กะหล่ำ ขึ้นฉ่าย กวางตุ้ง ผักไฮโรโปนิค ผักออแกนิค ฯลฯ)
- พืชไร่ (ข้าว ข้าวโพด ยาสูบ อ้อย สัปปะรด ฯลฯ)
- สวนผลไม้ (ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ส้ม มะนาว ทุเรียน เงาะ มะละกอ สตอร์เบอรี่ องุ่น มะม่วง ชมพู กล้วย)
- พืชตระกูลแตง (เมลอน แตงโม แตงกวา แตงร้าน มะระ ฟักทอง ฯลฯ)
- พืชหัว (มันฝรั่ง มันเทศ เผือก หอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง ฯลฯ)
- พืชตระกูลถั่ว (ถั่วต่างๆ ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ฯลฯ)
- พริก (พริกหวาน พริกชี้ฟ้า ฯลฯ)
- สวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน
- ไม้ตัดดอก / ไม้กระถาง
- นาข้าว
ปัญหาโรคพืชต่างๆที่เกษตรกรต้องพบเจอ
- โรคใบจุด
- โรคราสนิม
- โรครากเน่าดำ
- โรครากและโคนเน่า
- โรคเหี่ยวเขียว
- โรคโคนต้นเน่าคอดิน
- โรคสะเก็ดดำ
- โรคแอนแทรคโนส
- โรคเหี่ยวเหลือง
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้,ใบติด,ใบร่วง
- โรคเน่าเละ ผลเน่า
- โรคแคงเกอร์
- โรคราแป้ง
ช่วยฟื้นฟูสภาพทรุดโทรมของต้นกล้าพืช และกำจัดเชื้อโรคในดิน
ใช้ทำปุ๋ยหมักเชื้อปฏิปักษ์
การใช้เชื้อจุลินทรีย์ พิโก ในการย่อยสลายตอซังข้าว
จุลินทรีย์ พิโก ย่อยสลายตอซังข้าว เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ เข้มข้น 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 2,000 ลิตร ใช้ได้กับน้ำ 10 ไร่ จะช่วยย่อยสลายตอซังข้าวให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยย่อยสลายเมล็ดวัชพืช ข้าวดีดข้าวลายข้าวนก ช่วยย่อยไข่หอยเชอรี่ ไข่เพลี้ย ตัดวงจรการแพร่ระบาดของเพลี้ยไฟ มีจุลินทรีย์ที่ทำให้ดินร่วนซุย และมีจุลินทรีย์ที่ช่วยยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคข้าวต่าง ๆ ในแปลงนา ช่วยให้ดินดี น้ำดี ไม่มีสารพิษตกค้าง
จุลินทรีย์ในพิโกจะย่อยสลาย ตอซังข้าว, วัสดุเหลือจากการเกษตร อย่างช้า ๆ โดยช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารที่สำคัญในดินให้แก่พืช อีกทั้งสร้างเอนไซม์ลิกเนส ช่วยย่อยสลายสารลิกนินที่เป็น โครงสร้างต้นข้าว, เอนไซม์เฮมิเซลลูเลส, เซลลูเลส ช่วยย่อยสลายเยื่อใยไฟเบอร์ของต้นพืชให้แตกตัว, เอนไซม์เพ็กติเนส ช่วยย่อยสลายสารเพ็กตินที่เป็น โครงสร้างเปลือก ไม้ยืนต้น นอกจากนั้นจุลินทรีย์ในพิโกยังผลิตสารแบคทีริโอซิน และ อิทุริน ซึ่งมีคุณสมบัติในการกาจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคพืชหลายๆชนิด และทำลาย ไข่ไส้เดือนฝอย (nematode) รวมถึงไข่ของแมลงด้วย ซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิตของแมลงนั้น
ใช้ 300 กรัม ผสมน้ำ 200 ลิตร ราดรดให้ทั่วแปลงนาข้าว 1 ไร่ โดยทำหลังจากเก็บเกี่ยวต้นข้าวจากนาและราดรดเมื่อทำการไถพลิกดิน จุลินทรีย์จากพิโก จะเร่งขบวนการย่อยสลายตอซังให้กลับมาเป็นปุ๋ยทางธรรมชาติในดินอย่างรวดเร็ว
วิธีและขั้นตอนปฏิบัติดังนี้
การเตรียมอุปกรณ์สำหรับการหมัก
- เชื้อจุลินทรีย์พิโก จำนวน 1000 กรัม หรือ 1 กิโลกรัม
- ถังหมักจุลินทรีย์ถังละ 200 ลิตร (ใช้ 10 ถัง), หรือ 1,000 ลิตร (ใช้ 2 ถัง)
- เครื่องมือในการฉีดพ่นปุ๋ย หรือ สารเคมี (ต้องล้างให้สะอาดไม่มี ยาฆ่าแมลงตกค้าง)
ขั้นตอนหมักเชื้อเชื้อจุลินทรีย์พิโก (1 กิโลกรัม ใช้กับนาข้าวได้ 10 ไร่)
- นำถังที่เตรียมไว้ใส่น้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีน หรือ ยาฆ่าแมลง ลงในถัง 200 ลิตร (ใช้ 10 ถัง)
- นำหัวเชื้อพิโก 100 กรัม เทลงในถัง 200 ลิตร ต่อ 1 ถัง (1 กก. ทำได้จำนวน 10 ถัง), หรือนำหัวเชื้อพิโก 500 กรัม ผสมลงในถัง 1,000 ลิตร (1 กก. ทำได้จำนวน 2 ถัง), จากนั้นให้กวนส่วนผสมให้เข้ากันอย่างดี
- หมักหัวเชื้อพิโกทิ้งไว้ 1 วัน 1 คืน ควรเปิดฝาถัง เพราะจุลินทรีย์ต้องการอากาศหายใจ และควรหมักในที่มีแดดจัด จะยิ่งทำให้เชื้อเจริญได้อย่างรวดเร็ว
- วันรุ่งขึ้นนำไปฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่ 10 ไร่ ในเวลาตอนเช้า ปรับหัวฉีดให้เป็นละอองเม็ดใหญ่
ขั้นตอนในการปฏิบัติในการขบวนการย่อยสลาย (ใช้หัวเชื้อพิโกจำนวน 1 กก. / 10 ไร่)
- ปล่อยน้ำเข้าแปลงนา ให้ท่วมพอประมาณ
- เอารถย้ำตอซังให้จมน้ำจนทั่วแปลงนา ให้ฟางจมน้ำ ถ้าฟางไม่จมน้ำจะย่อยไม่ได้ นำน้ำสารละลายไปฉีดพนให้ทั่วพื้นที่ 10 ไร่ ในเวลาตอนเช้า ปรับหัวฉีดให้เป็นละอองเม็ดใหญ่
- ทิ้งไว้ให้ครบ 3-5 วัน ก็เป็นการสิ้นสุดการย่อยสลาย สามารถทำการคราดหรือไถต่อได้เลย
การย่อยจะเกิดผลดีดังนี้คือ
- ฟางข้าวเมื่อเน่าสลายจะให้ปลดปล่อยธาตุอาหารแก่พืชเมื่อฟางข้าวย่อยสลายแล้วจะได้ธาตุไนโตรเจน (N) ธาตุฟอสฟอรัส (P) ธาตุโพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และซิลิก้า (SiO2) การไถกลบฟางข้าวจำนวน 1 ตัน จะได้ธาตุอาหารทั้งธาตุหลักและธาตุรอง ดังนี้คือ ไนโตรเจน (N) 6 กิโลกรัม ฟอสฟอรัส (P2O5) 1.4 กิโลกรัม โพแทสเซียม (K2O) 17 กิโลกรัม แคลเซียม (Ca) 1.2 กิโลกรัม แมกซีเซียม (Mg) 1.3 กิโลกรัม และที่สำคัญคือได้ธาตุซิลิก้า (SiO2) จำนวน 50 กิโลกรัม โดยประมาณแล้ว 1 ไร่จะได้ฟางข้าว 800-1,000 กิโลกรัม/ไร่ และตอซังอีก 1,200 – 1,500 กิโลกรัม/ไร่
- ย่อยวัชพืชในแปลงนา โดยเฉพาะข้าวดีด ข้าวหาง ข้าวลาย ข้าวนก จะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เป็นการขจัดวัชพืชในแปลงนาอย่างได้ผล
- ทำให้ดินร่วนซุย ทำให้ต้นข้าวออกรากลึกและรากเยอะ ช่วยให้ต้นข้าวหาอาหารได้มาก ลำต้นแข็งแรง
- ช่วยกำจัดควบคุมจุลินทรีย์ และเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ของต้นข้าว
- ย่อยสลายไข่เพลี้ย เพลี้ยไฟ เพลี้ยกระโดย ซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิต ทำให้การแพร่ระบาดลดลง
- ย่อยสลายไข่หอยเชอรี่ซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิต ทำให้การแพร่ระบาดลงลดการสูญเสียการทำลายของต้นข้าว
- จุลินทรีย์จะช่วยปรับสภาพดินที่เป็นกรด-ด่าง ให้เป็นกลาง และเพิ่มความร่วนซุยของดินให้ดียิ่งขึ้น